ในยุคโรคโควิด-19 ระบาดอย่างไม่หยุดไม่หย่อนอย่างนี้ ทำให้คนส่วนใหญ่ตกงาน รายได้ไม่พอใช้ บางรายก็เป็นหนี้เพิ่มขึ้น เนื่องจากไม่ค่อยอยากออกจากบ้านไปเผชิญหน้าโรคร้ายเท่าไร และเมื่อคนอยู่บ้านกันมากขึ้น แต่วิถีชีวิตก็ยังคงดำเนินต่อ คนเราต้องกินต้องใช้ ออกไปหาซื้อเองก็กลัวความเสี่ยง จงก่อกำเนิดอาชีพมาแรงแห่งยุค อย่างอาชีพขับรถส่งอาหาร Delivery ใครที่อยากทำงานนี้เรามาดูกันดีกว่า ว่าต้องทำยังไงบ้าง
อ่านบทความนี้จะรู้ข้อมูลเหล่านี้ได้
ขับรถส่งอาหาร Delivery คืออะไร ทำงานยังไง?
อาชีพขับรถส่งอาหาร Delivery หรือ ไรเดอร์ คือทำการจัดซื้อและส่งอาหารตามออเดอร์ที่ได้รับ โดยพนักงานส่งอาหารหรือ ไรเดอร์ จะต้องทำการสมัครเป็นพาร์ทเนอร์กับแอปส่งอาหารต่างๆ จากนั้นก็จะทำการติดตั้งแอปพริเคชั่นสำหรับคนขับรถส่งอาหาร Delivery และเมื่อมีลูกค้าสั่งอาหารมาก็สามารถกดรับงานและไปรับอาหารจากร้านค้าที่เป็นพันธมิตรกับแอพพริเคชั่นนั้นๆ โดยจะได้รับค่าตอบแทนในทุกๆการสั่งซื้อ ซึ่งเราสามารถเลือกทำได้ทั้งพาร์ทไทม์และฟูลไทม์ หากเราทำงานเยอะก็จะได้ค่าจ้างเยอะขึ้นตามไปด้วย ถือเป็นอาชีพเสริมที่รายได้ดีมากๆในช่วงนี้
ข้อมูลอาชีพเสริม:ขับรถส่งอาหาร Delivery
จำนวนชั่วโมงการทำงาน | 1-8 ชั่วโมง บางรายอาจทำได้มากกว่านั้นตามกำลัง |
---|---|
เงินลงทุนเริ่มต้น | ตามข้อกำหนดของแอปรับส่งอาหารเจ้าต่างๆ |
เพศที่เหมาะ | ได้ทั้งเพศหญิง-ชาย –เพศที่สาม ขอแค่ขับรถได้ |
ทักษะจำเป็น |
|
อุปกรณ์เริ่มต้นที่ต้องมี |
|
ช่วงเวลาทำเงิน | ทำได้ทุกเวลาที่เราต้องการ |
กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
ประชาชนทั่วไปที่ต้องการสั่งซื้ออาหารโดยไม่อยากออกนอกบ้าน
บริการทางเลือกเสริมเพิ่มรายได้
ปกติลูกค้าเวลาสั่งซื้ออาหาร บางรายจะมีโน้ตไว้ด้วยว่าต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมอะไรบ้าง ซึ่งลูกค้าบางท่านอาจจะมีฝากซื้อสินค้าที่อยู่ใกล้เคียง หากสามารถไปซื้อให้ได้ ก็อาจจะได้รายได้เพิ่มเติม (ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ควรอยู่ในกฎหรือระเบียบของแอพหรือข้อตกลงในบริษัทด้วย)
ปัญหาหรืออุปสรรคในการประกอบอาชีพ
อาชีพขับรถส่งอาหาร Delivery ถึงจะมีรายได้ดี แต่ก็มีอุปสรรคและปัญหาเยอะเหมือนกัน คือ
- แต่ละบริษัทจะมีข้อดีและข้อเสียในการบริการที่แตกต่างกันออกไป
- มีคู่แข่งเยอะขึ้น กับพนักงานขับรถส่งอาหาร Deliveryเยอะขึ้น ทำให้รายได้อาจจะลดลงไป
- ต้องตากแดดตากฝน อาจทำให้เจ็บไข้ไม่สบายได้
- มีความเสี่ยงที่จะถูกลูกค้ายกเลิกหรือสั่งอาหารแล้วไม่รับ ทำให้ต้องจ่ายค่าอาหารเอง
- ลูกค้าปักหมุดไม่ต้องกับที่อยู่อาศัยทำให้การส่งลำบากและช้าลงไป
ขับรถส่งอาหารกับเจ้าไหนดี
บริษัทที่เปิดให้บริการขับรถส่งอาหารในปัจจุบันมีหลายเจ้ามากๆ ซึ่งแต่ละเจ้าก็จะมีข้อกำหนด ส่วนแบ่ง รายได้ และการจ่ายเงิน ที่แตกต่างกันไป โดยบริษัทส่งอาหารแต่ละเจ้า จะมีข้อกำหนดและข้อดีข้อเสีย แต่ละเจ้า โดยเราจะยกเจ้าดังๆที่ทุกคนรู้จักกันดีมา 3 เจ้า ได้แก่ GrabFood, LINEMAN และ FoodPanda
GrabFood
GrabFood เป็นบริษัทรับส่งอาหารที่มีจุดเด่นและจำง่ายก็คือ สีเขียว ซึ่งพนักงานของ GrabFood จะสวมเสื้อแขนยาวสีเขียวเป็นเอกลักษณ์ โดยรายได้ที่ไรเดอร์จะได้รับจาก GrabFood ได้แก่
ค่าส่งอาหาร 50 บาท / ออเดอร์ โดยค่าส่ง 50 บาทที่ได้รับนี้จะถูกหัก 15เปอร์เซนต์ให้กับบริษัทและที่เหลือจะถูกโอนเข้ากระเป๋าเงิน ไรเดอร์ในวันถัดไป
- ค่าส่ง 10 บาท ซึ่งส่วนนี้ลูกค้าจะจ่ายเป็นเงินสด รับเงินทันที
- โปรโมชั่นหรือส่วนลดต่างๆที่ลูกค้าใช้ไป จะถูกโอนเข้ากระเป๋าเงินทันทีหลังกดจบงาน
- หากไปส่งพื้นที่ไกลๆจะได้รับค่าส่งเพิ่มเติมตามระยะทาง
ข้อดีของ GrabFood
- มีทีมงานคอยช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ต้องกังวลเวลามีปัญหา เพราะสามารถขอความช่วยเหลือและได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงที
- สามารถเลือกเวลารับงานได้ตามใจ อยากรับเวลาไหนก็รับ อยากพักเวลาไหนก็ทำได้อย่างอิสระ เพราะใครทำมากก็ได้มาก ใครทำน้อยก็ได้น้อย
- มีโบนัสที่ดี แถมแอพจะเลือกออเดอร์ในบริเวณใกล้ๆกับที่ไรเดอร์อยู่ ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาวิ่งไปไกลๆหรือวิ่งไปวิ่งมาไม่จบไม่สิ้น
- ไม่ต้องเสียเวลาเตรียมเงินทอน เพราะมีระบบให้ลูกค้าจ่ายเงินออนไลน์ได้อย่างสะดวก
ข้อเสียของ GrabFood
ถึง GrabFood จะมีข้อดีหลายอย่าง แต่ก็มีข้อเสียบางอย่างเช่นกัน หากต้องการลงรับงานหารายได้ ก็ควรศึกษาข้อดีข้อเสียให้ถี่ถ้วน โดยข้อเสียของ GrabFood ได้แก่
- คนขับเยอะ อาจทำให้แย่งงานกัน หากรับงานไม่ทันก็อาจทำให้รายได้ลดลง
- ค่าตอบแทนจะได้รับในวันถัดไป ไม่ใช่ส่งวันนี้ได้รับวันนี้
- มีค่าบริการรายเดือน คิดเป็นเปอร์เซ็นจากยอดขาย
สนใจสมัคร GrabFood เข้าไปที่ https://www.grab.com/th/driver/drive/
LINEMAN
LINEMAN ถือเป็นแอพพริเคชั่นที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการอย่างครอบคลุม ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ บริการ ไรเดอร์ ขับรุส่งอาหารเดลิเวอร์รี่ โดยมีเสื้อแขนยาว และหมวกสีเขียวอ่อนแถบขาวเป็นเอกลักษณ์ โดยค่าตอบแทนที่ไรเดอร์จะได้รับจาก LINEMAN ก็คือ
- ค่าส่งอาหาร 55 บาทต่อครั้ง
- ค่าส่งเพิ่มเติม9 บาทจากระยะทาง1 กิโลขึ้นไป
- ค่าส่งอาหารนอกเวลา โดยช่วง 3 ทุ่ม- 5 ทุ่ม จะได้เพิ่ม 50บาท ช่วง 5 ทุ่มไปจนถึง หกโมงเช้า จะได้เพิ่ม 100 บาท
- รายได้ทั้งหมดจะถูกหักค่าคอมมิชชั่น 15 เปอร์เซ็นต์และถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายอีก 3 เปอร์เซ็นต์
ข้อดีของ LINEMAN
- มีฐานกว้างไกลและครอบคลุม ทำให้ลูกค้าเยอะ รายได้จึงเยอะขึ้นตามไปด้วย
- ไม่ต้องเสียค่าสมัคร รวมถึงชุดฟอร์มและกล่องส่งอาหาร มีเครดิตรับงานให้ 100 บาท
- มีโอกาสรับโบนัสเพิ่มเติม
ข้อเสียของ LINEMAN
- มีไรเดอร์จำนวนมาก อาจแย่งงานกันในบางช่วงเวลา(เพราะใครๆก็อยากได้รายได้เพิ่มขึ้น จึงต้องรีบหน่อย)
สนใจสมัคร LINEMAN เข้าไปที่ https://lineman.line.me/rider/
FoodPanda
FoodPanda เป็นบริษัทส่งอาหารอีกเจ้าหนึ่งที่เห็นบ่อยมากตามท้องถนน ยิ่งเฉพาะตามชาญเมืองต่างๆ ซึ่งจะมีสัญลักษณ์เด่นๆที่จำง่ายมาก นั่นก็คือ เสื้อสีชมถูและกล่องส่งอาหารสีชมพูที่มีลายหมีแพนด้าติดอยู่ด้วย โดยค่าตอบแทนที่ไรเดอร์จะได้จาก FoodPanda ได้แก่
- รายได้เฉลียอยู่ที่ 100 บาท ต่อชั่วโมง
- มีโบนัสพิเศษเมื่อรับออเดอร์ได้ครบตามจำนวนและระยะเวลาที่กำหนดไว้
- รายได้หักภาษี ณ ที่จ่าย 3 เปอร์เซ็นต์
ข้อดีของ FoodPanda
- มีสาขาครอบคลุม สามารถรับงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง ตราบเท่าที่ทำไหว
- มีการแบ่งโซนที่ชัดเจน ทำให้ไม่ต้องวิ่งไกล
- เลือกเวลาทำงานได้
- สมัครฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย สามารถสมัครออนไลน์ได้ไม่ต้องเข้าไปสมัครเอง มีอุปกรณ์และยูนิฟอร์มให้ แถมยังมีประกันและสวัสดิการให้อีกด้วย
- มีทิปพิเศษหรือโบนัสโดยไม่หักค่าใช้จ่าย
ข้อเสียของ FoodPanda
- ระบบจะจ่ายค่าตอบแทนตามรอบบัญชี ไม่สามารถรับเงินได้ในทันที
สนใจสมัคร FoodPanda เข้าไปที่ https://rider.foodpanda.co.th/
ขับรถส่งอาหาร Delivery เป็นอาชีพที่มาแรง รายได้ดี ทำมากได้มาก ทำน้อยได้น้อย
ถือว่าเป็นอาชีพที่ต้องแข่งขันกันอย่างแท้จริงสำหรับคนที่ต้องการรายได้ เพราะอาชีพอื่นๆบางครั้งมีการแข่งขันมากมายแต่รายได้เท่าเดิม แต่ ไรเดอร์ขับรถส่งอาหาร Delivery ยิ่งทำมากก็ยิ่งมีรายได้มาก ใครที่มีความสามารถก็ไปรับเงินได้ตามความสามารถกันเลย ที่สำคัญรายได้เยอะมันก็ดี แต่ก็อย่าลืมดูแลตัวเองและพักผ่อนกันด้วยนะคะ เพราะเป็นงานที่ค่อนข้างเสี่ยง ด้วยต้องขับขี่อยู่ตลอดวันหากพักผ่อนไม่เพียงพออาจเกิดอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัยได้ค่ะ