อยากขายกล้วยทอดแต่ไม่รู้ต้องทำยังไง หาสูตรในเน็ตก็บอกไม่หมดใช่ไหม?สำหรับเพื่อนๆท่านใดที่ต้องการประกอบอาชีพที่ขายง่าย กำไรดี และไม่ต้องมีเงินลงทุนมาก วันนี้เราจะมาแนะนำอาชีพการขายกล้วยทอดมันทอดและสอนสูตรในการขาย ที่พร้อมบอกทุกรายละเอียด พร้อมคำนวนต้นทุนและงบประมาณทั้งหมด ให้คนที่สนใจอย่างละเอียด การันตีจากประสบการณ์การขายกล้วยทอดมานานกว่า 4 ปี เมื่อคุณอ่านบทความนี้จนจบจะสามารถเปิดร้านกล้วยทอดทำเงินได้ทันทีค่ะ
อ่านบทความนี้จะรู้ข้อมูลเหล่านี้ได้
- เล่าเรื่องที่มาที่ไปของสูตรนี้
- อุปกรณ์จำเป็นในการเปิดร้านขายกล้วยทอด
- วัตถุดิบในการขายกล้วยทอดมันทอดที่ต้องเตรียม
- สูตรผสมแป้งในการทำกล้วยทอดสำหรับขาย
- งบประมาณในการทำสูตรกล้วยทอด 1 สูตร
- เคล็ดลับการเลือกกล้วยใช้ทอดให้อร่อยไม่ฝาด
- เคล็ดลับการเลือกใช้มันเทศให้ทอดออกมาอร่อย
- คลิบวิดีโอสอนการทำสูตรกล้วยทอดทั้งหมด Step By Step
- สรุป:อาชีพขายกล้วยทอดยังทำเงินได้เสมอ ตราบใดที่คนเรายังต้องกินอาหาร
เล่าเรื่องที่มาที่ไปของสูตรนี้
ด้วยเศรษฐกิจปัจจุบันที่สภาพคล่องของรายรับหลายๆคนค่อนข้างฝืดเคือง แต่ก็มีอาชีพนึงนะคะที่ยังคงอยู่ได้ตลอดไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นยังไงนั่นก็คือการขายอาหารค่ะ เพราะอาหารคือปัจจัยหลักที่คนเราต้องกินกันอยู่ทุกๆวัน และบางครั้งการที่จะหาวัตถุดิบต่างๆมาทำกินเองก็คงจะยุ่งยาก ทำให้อาชีพการขายของกินทุกชนิดยังคงอยู่ได้เสมอ สิ่งที่จะเรียกลูกค้าใหม่และยังคงความไว้วางใจกับลูกค้าเก่า นั่นก็คือ คุณภาพ ความอร่อย ความสะอาด และบริการที่ประทับใจ
เกริ่นกันมาเนิ่นนานนะคะ จะขอเข้าเรื่องสักที วันนี้เราจะมาสอนเพื่อนๆถึงสูตรเด็ดเคล็ดลับการทำกล้วยทอดให้อร่อยติดใจกันค่ะการันตีโดยประสบการณ์ตรงของดิฉันเองค่ะ ตัวดิฉันนะคะ เป็นแม่ค้าขายกล้วยทอดตั้งแต่ปี 2555 สถานที่ขายของดิฉันก็คือ ตลาดท่าล้อประเทศพม่า มีหลายคนสอบถามมาเหมือนกันว่าทำไมต้องไปขายถึงพม่า นั่นก็เพราะ ที่ฝั่งไทย มีคนขายเยอะแล้ว อีกอย่างหนึ่งคือตอนนี้ดิฉันมีลูกค้าประจำที่นี่แล้วค่ะ ซึ่งสูตรที่จะเอามาบอกสูตรนี้นะคะ เป็นสูตรที่ดิฉันใช้จริง ในการขายทุกๆวัน ดังนั้นแล้ว หากเพื่อนๆที่คิดจะขายนะคะ ทำตามสูตรนี้ได้เลย ไม่ต้องไปลองผิดลองถูกอะไรแล้ว พร้อมเปิดร้านขายได้ทันทีค่ะ
แต่สูตรนี้อาจจะแตกต่างจากสูตรกล้วยทอดเจ้าอื่นทั่วไปนิดหน่อยนะคะ เนื่องจากตัวดิฉันเองเป็นคนที่ชอบทานกล้วยทอดมาก่อนที่จะขายกล้วยทอดและกล้วยที่ชอบทานเนี่ยก็เป็นกล้วยสุกรสชาติออกหวานๆ ซึ่งปกติ แม่ค้าทั่วไปเขาจะไม่ยอมทอดกล้วยสุกเพราะเขาบอกว่ากล้วยสุกทอดยากและอมน้ำมัน ซึ่งแม่ค้าส่วนใหญ่เขาจะใช้กล้วยห่ามๆ หรือบางคนก็ใช้กล้วยที่เปลือกเพิ่งเริ่มจะเหลืองได้ไม่เท่าไร ปกติกล้วยแบบนั้นถ้าเป็นกล้วยที่แก่จัด เมื่อทอดออกมารสชาติจะออกจืดๆ มันๆ ปนหวานนิดๆ แต่ถ้าเจอกล้วยที่ไม่แก่ก็จะฝาดและไม่อร่อย แต่ก็สามารถใช้ได้นะคะ ไม่ใช่ไม่ได้ ก็ต้องแล้วแต่ว่าลูกค้าชอบแบบไหน เพราะลูกค้าแต่ละคนก็ชอบแตกต่างกันไป บางคนชอบแบบกล้วยไม่สุก แต่บางคนก็ชอบแบบสุกๆ เพราะมันหวาน ซึ่งสูตรนี้ก็พัฒนาขึ้นจากความชอบของแม่ค้า นั่นก็คือ แป้งกล้วยทอดที่สามารถทอดกล้วยสุกได้ โดยที่ไม่อมน้ำมัน แถมยังกรอบอร่อยอีกด้วย จึงเป็นที่มาของสูตรกล้วยทอดสูตรนี้ค่ะ
ปกติ ดิฉันจะเริ่มขายเวลา 09.00 น และขายหมดประมาณ 14.00น. บางวันก็หมดช้า บางวันก็หมดเร็วกว่าเวลาปกติเล็กน้อย ดิฉันตื่นมาเตรียมผสมแป้งและเตรียมของต่างๆประมาณ 6 โมง จริงๆการเตรียมของใช้เวลาไม่นานค่ะ แต่ต้องดูแลลูกด้วยก็เลยเผื่อเวลาเอาไว้ ซึ่งเพื่อนๆที่ฟังมาจนถึงจุดนี้อาจจะกังวลเรื่องการเตรียมของสำหรับมือใหม่จริงๆ ไม่ต้องห่วงนะคะ ดิฉันจะเล่าทุกรายละเอียด ที่ดิฉันทำ ตั้งแต่การเตรียมของ ผสมสูตร ไปจนถึงทอดขายเลยล่ะค่ะ
อุปกรณ์จำเป็นในการเปิดร้านขายกล้วยทอด
จะขายของอุปกรณ์ในการทำเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ในกรณีที่ขายหน้าบ้านหรือใกล้ๆบ้าน หากไม่ต้องการลงทุนเยอะหรือมีทุนไม่มาก อุปกรณ์บางอย่างก็สามารถเอาอุปกรณ์ในครัวมาประยุกต์ใช้กันได้นะคะ เพราะอุปกรณ์ในการขายกล้วยทอดนั้น ก็เป็นอุปกรณ์ที่แต่ละบ้านก็มีกันอยู่แล้ว แต่หากอันไหนไม่มีค่อยหาซื้อเพิ่มค่ะ ซึ่งอุปกรณ์จำเป็นเหล่านั้น ได้แก่
- หม้อ หรือภาชนะขนาดใหญ่เพื่อเอาไว้ใส่แป้งชุบกล้วยทอด
- กระทะ
- แกส กับเตาแกส
- คีมคบกล้วย อย่างน้อยควรมี 2 ตัว ตัวหนึ่งใช้คีบกล้วยชุบแป้งแล้วลงทอด ส่วนอีกตัวก็เอาไว้ใช้คีบกล้วยที่ทอดเสร็จแล้วใส่ถุงให้ลูกค้า
- กระชอนตาถี่ ตัวนี้จะเอาไว้ช้อนเศษแป้งขนาดเล็กๆออกจากหม้อ เพราะหากปล่อยทิ้งไว้จะไหม้และขม
- กระชอนตาห่าง ไว้ตักกล้วยที่ทอดสุกแล้ว เอามาพักให้สะเด็ดน้ำมัน
- ตะกร้าสานล้านนา ที่เรียกว่า ซ้าหวด ก็ได้ เพื่อเอาไว้พักกล้วยให้สะเด็ดน้ำมัน (อุปกรณ์ชิ้นนี้จะมีหรือไม่มีก็ได้ค่ะ เพราะเราสามารถใช้กระชอนตาห่างทำแทนได้อยู่แล้ว ) อันนี้แล้วแต่ความสะดวกของผู้ขายเลยค่ะ
- ตะแกรงเอาไว้วางกล้วยทอดที่ทอดเสร็จ บางคนก็มีตู้กระจกเพื่อกันฝุ่นด้วย แต่หากขายดี ขนาดที่ทอดไม่ทันแล้ว ตู้กระจกก็ไม่จำเป็นต้องใช้ค่ะ เพราะคงไม่ทันได้เก็บ
- หม้อหรือภาชนะที่เอาไว้รองน้ำมัน ปกติหลังจากที่เราเอากล้วยทอดขึ้น เราต้องพักกล้วยก่อนเพื่อให้น้ำมันที่ติดมากับกล้วยหยดลง หากไม่มีหม้อรองรับน้ำมันก็จะตกเลอะเทอะได้
- ตะเกียบ ตะเกียบในที่นี้เราจะใช้พลิกกล้วยเวลาที่อยู่ในกระทะ ถ้ากลัวร้อนก็เลือกตะเกียบที่มีด้ามยาวหน่อยเพราะจะช่วยกันร้อนได้ แต่ของดิฉัน เราใช้ตะเกียบที่ไม่ยาวมาก เพราะตะเกียบที่ยาวๆจะทำให้ปวดมือมากค่ะ เนื่องจาก กล้วยทอดมันทอด เขาจะมีน้ำหนัก ไม่เหมือนปาท่องโก่ที่เบาและพลิกได้ง่าย แต่กล้วยกับมันจะหนักกว่า ตะเกียบที่ยาวไปจะปวดมือมากเวลาพลิก ในกรณีของตะเกียบนะคะ แม่ค้าบางรายก็ใช้ บางรายก็ไม่ใช้ แต่ของเราที่ใช้ เพราะเราทอดกล้วยทีละชิ้น ชุบทีละอัน การใช้ตะเกียบจะช่วยแยกแต่ละชิ้นได้ดีค่ะ
- ถุงมือ ใช้สวมเวลาปอกกล้วย
- กระดาษรองน้ำมัน บางรายก็ใช้ถุงกล้วยแขก แต่หากต้นทุนไม่เยอะ แค่กระดาษรองน้ำมันก็เพียงพอค่ะ
- ถุงพลาสติกขนาด 6X11 และ 6X14 ที่ใช้ 2 ขนาดนี้ เนื่องจาก เป้นขนาดที่เหมาะกับการซื้อของลูกค้าส่วนใหญ่ค่ะ ปกติกล้วยทอดของดิฉัน จะขายที่ 3 ชิ้น 5 บาท เวลาลูกค้าซื้อ 5 บาท 10 บาท หรือ 15 บาท เราก็ใช้ถุงพลาสติกขนาด 6X11 รองข้างในด้วยกระดาษรองน้ำมันใส่ให้ แต่ถ้าซื้อสัก 20 บาทขึ้นไป เราจะใช้ถุงพลาสติกขนาด 6X14 รองด้วยกระดาษรองน้ำมันใส่ให้ค่ะ
วัตถุดิบในการขายกล้วยทอดมันทอดที่ต้องเตรียม
หลังจากที่เราจัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆกันแล้ว ก็ถึงเวลาที่เราจะมาจัดเตรียมวัตถุดิบในการทำกันบ้าง ซึ่งวัตถุดิบหลักๆในการขายกล้วยทอดได้แก่
- แป้งข้าวจ้าว แป้งข้าวจ้าวในท้องตลาดมีหลายยี่ห้อ แต่ที่ดิฉันเลือกใช้ จะเป็นยี่ห้อ 78 หากแถวบ้านที่เพื่อนๆอยู่ไม่มีขาย อาจจะใช้แป้งข้าวจ้าวยี่ห้ออื่นได้ แต่ควรชั่งปริมาณของแป้งข้าวงจ้าวด้วยนะคะ เพราะแป้งข้างจ้าว ตรา 78 หนึ่งถุง จะมีน้ำหนักแป้งที่ 850 กรัม หากเพื่อนๆใช้สูตรอื่น อย่าลืมบวกลบคูณหารให้ดีนะคะ
- แป้งสาลีเอนกประสงค์ ดิฉันใช้ยี่ห้อ ผักกาดแดง แต่ในกรณีที่แถวบ้านเพื่อนๆไม่มีขาย สามารถใช้ตราศรฟ้าแทนได้ค่ะ
- น้ำตาลทรายแดง ที่เราเลือกใช้น้ำตาลทรายแดงเพราะน้ำตาลทรายตัวนี้มีความหวานและยังให้ความหอมด้วย จะช่วยเพิ่มแรงดึงดูดลูกค้าเวลาได้กลิ่นจากไกลๆค่ะ
- ผงฟู
- งาขาวดิบ
- ถั่วลิสงดิบ สำหรับถั่วลิสงดิบ จะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้นะคะ อันนี้ไม่ว่ากัน แต่ที่ทางเราใส่เพราะลูกค้าของเราชอบค่ะ
- เกลือ
- น้ำปูนใส
- น้ำเปล่า
- กล้วยสุก
- มันเทศ
- มะพร้าวขูด หรือมะพร้าวโม่ก็ได้
- ใบเตย
- น้ำมันสำหรับทอด
สูตรผสมแป้งในการทำกล้วยทอดสำหรับขาย
( สูตรนี้จะเป็นสูตรที่ผสมสำหรับการขายนะคะ หากจะทำกินเองอาจจะคำนวณสูตรลดลงค่ะ แต่ดิฉันไม่สามารถคำนวนให้ได้ เพราะปกติจะทำขายเลยจำแต่สูตรนี้ค่ะ) โดยสูตรนี้เราจะแบ่งเป็นส่วนผสมแห้งกับส่วนผสมเปียกนะคะ เหมาะสำหรับการเริ่มต้น เพราะเมื่อผสมส่วนผสมแห้งแล้ว เราสามารถแบ่งเก็บในปริมาณที่เท่าๆกันแล้วนำมาใช้ในบางส่วนได้ แต่หากขายดีอยู่แล้ว ผสมไปรวดเดียวเลยก็ได้ค่ะ ไม่ต้องแยกส่วนผสมเปียกหรือแห้ง แต่ถ้าไม่แน่ใจก็แบ่งเอาไว้ก่อนค่ะ เพราะส่วนผสมแห้งนั้นสามารถเก็บได้นาน แต่หากเราผสมเปียกไปแล้ว ต้องใช้ให้หมดภายในหนึ่งวันนะคะ เนื่องจากแป้งสูตรนี้หากเก็บค้างคืน เมื่อเอามาชุบทอดอีกครั้ง แป้งจะเหนียว แข็งและไม่ฟูค่ะ
ซึ่งส่วนผสมแห้ง 1 สูตรได้แก่
- แป้งข้าวเจ้า 78 จำนวน 3 ถุง หรือแป้งข้าวจ้าว 2,550 กรัม
- แป้งสาลีเอนกประสงค์ 1,500 กรัม
- น้ำตาลทรายแดง 1,750 กรัม (หากชอบหวาน สามารถเพิ่มได้ค่ะ)
- ผงฟู 5 ช้อนโต๊ะ
- เกลือ 4 ช้อนโต๊ะ
- งาขาวและถัวลิสง ตามชอบเลยค่ะแต่ปกติของเราจะใส่อย่างละ ครึ่งถ้วยตวงค่ะ
ส่วนผสมเปียก
- มะพร้าวขูดหรือมะพร้าวโม่ 1 กิโลกรัม
- น้ำปูนใส 1 ถ้วยตวง
- น้ำเปล่า
- ใบเตย
(ส่วนผสมเปียกนี้จะเหมาะกับส่วนผสมแห้ง 1 สูตรนะคะ ถ้าหากเพื่อนๆแบ่งส่วนผสมแห้งเก็บไว้ ต้องคำนวนปริมาณของส่วนผสมเปียกให้เหมาะกับส่วนผสมแห้งที่เราแบ่งมาใช้ด้วยนะคะ เช่น เพื่อนผสมส่วนผสมแห้ง 1 สูตร แล้วแบ่งเก็บครึ่งหนึ่ง ก็ใช้มะพร้าวขูดแค่ ครึ่งกิโลกรัม น้ำปูนใสครึ่งถ้วยตวงค่ะ) เดี่ยวเราจะไปดูวิธีผสมสำหรับ 1 สูตรกันเลยนะคะ
การผสมแป้งในส่วนของแห้ง เราจะนำส่วนผสมทั้งหมดมาผสมเข้าด้วยกันค่ะ เมื่อผสมจนเข้ากันดีแล้ว หากอยากจะแบ่งเก็บก็แบ่งตอนนี้เลยนะคะ แต่หากไม่แบ่งเราก็ไปผสมต่อที่ส่วนของเปียกได้เลยค่ะ
การผสมแป้งสำหรับส่วนผสมเปียกนะคะในกรณีของน้ำเปล่า จะไม่มีปริมาณที่ตายตัวเราจะค่อยๆทยอยใส่ แล้วคนดูค่ะ แป้งกล้วยทอดสูตรนี้เราจะใช้ความหนืดของแป้งที่ไม่เหลวและไม่หนืดจนเกินไปนะคะ เพราะเวลาชุบ แป้งจะได้ติดกล้วยทอดออกมาสวยค่ะ การผสมให้เราใส่น้ำปูนใสก่อน จากนั้นตามด้วยน้ำเปล่า และตามด้วยมะพร้าวขูด และสุดท้ายก็ใส่ใบเตยค่ะ สำหรับใบเตยนะคะ บางเจ้าจะไม่ผสมลงไปในแป้งกล้วยทอด แต่เขาจะทอดในจังหวะสุดท้ายก่อนที่จะนำกล้วยขึ้น แต่ของเราจะใส่ใบเตยลงในสูตรกล้วยทอดเลย นอกจากเพิ่มความหอมของตัวแป้งแล้ว ใบเตยที่ติดแป้งแล้วลงทอดก็สามารถทานได้ ลูกค้าบางรายก็บอกว่าหอมและอร่อยดีค่ะ
งบประมาณในการทำสูตรกล้วยทอด 1 สูตร
งบประมาณนี้ราคาอาจแตกต่างกันตามพื้นที่และราคาของที่ขายนะคะ แต่เราขออ้างอิงจากราคาของที่ทางเราซื้อมานะคะ
- แป้งข้าวจ้าวตรา 78 หนึ่งถุง ราคา 25 บาท ใช้ทั้งหมด 3 ถุง ก็เท่ากับ 75 บาท
- แป้งสาลีเอนกประสงค์ตราผักกาดแดง 1ถุง ราคา 25 บาท หนึ่งถุงจะมีปริมาณ 1000 กรัม แต่เราใช้ 1500 กรัม ก็คือ 1 ถุงครึ่ง ราคาทั้งหมดก็จะเท่ากับ 37.5 บาท
- น้ำตาลทรายแดง 1 ถุง ราคา ประมาณ 24 บาท เราใช้ 1750 กรัม ก็เท่ากับ 42 บาท
- ผงฟู 5 ช้อนโต๊ะ ผงฟูตามร้านขายแป้งทั่วไปราคา 1 กิโล 50 บาท เราใช้ 5 ช้อนโต๊ะ ก็ขอตีราคาที่ประมาณ 5 บาท
- เกลือ 4 ช้อนโต๊ะ ราคาประมาณ 2 บาท
- งาขาว 1 กิโล ราคาขึ้นลงแล้วแต่ฤดูกาล แต่ปกติจะอยู่ที่กิโลละ 120 บาท เราใช้ ครึ่งถ้วยตวงก็ประมาณ 15 บาท
- ถั่วลิลงจะใส่หรือไม่ก็ได้
- มะพร้าวขูด 1 กิโลกรัม ราคา 90 บาท
- น้ำปูนใส 1 ถ้วยตวง ราคาประมาณ 1- 2 บาท
- ใบเตยประมาณ 2 บาท ปกติขายกำละ 5 บาท หนึ่งกำสามารถใช้ได้ 2-3 สูตรเลยค่ะ
รวมงบประมาณต่อแป้งกล้วยทอด 1 สูตร เท่ากับ 270 บาทห้าสิบสตางค์
นอกจากสูตรแป้งกล้วยทอดแล้ว ยังมีต้นทุนของสิ่งอื่นๆอีก เช่น
- น้ำมันที่ใช้ทอด
- ถุงพลาสติกขนาด 6X11 กับ 6X14
- กระดาษรองน้ำมัน
- กล้วย
- มัน
ซึ่งของส่วนหลังนี้ไม่สามารถคำนวณราคาตายตัวได้ เพราะแต่ละวันในการขายอาจจะใช้กล้วยและมันรวมถึงน้ำมันในปริมาณที่ไม่เท่ากัน แล้วแต่ลูกค้าและของที่เราขายได้ค่ะ อันนี้ผู้ขายต้องไปคำนวณกันเอาเองนะคะ
เคล็ดลับการเลือกกล้วยใช้ทอดให้อร่อยไม่ฝาด
การขายกล้วยทอดความอร่อยต้องรวมกันไม่ว่าจะเป็นแป้งและกล้วย หากเราเลือกกล้วยไม่ดีเท่าที่ควรกล้วยทอดก็จะไม่ค่อยอร่อย เช่น หากกล้วยนั้นไม่แก่จัด เมื่อสุกมาก็จะมีรสฝาด ถึงแม้ว่าคนเราจะรู้ว่ากล้วยมันฝาดอยู่แล้วแต่หลายคนก็ไม่ได้ชอบค่ะ อีกอย่างนะคะ กล้วยที่ไม่แก่ถึงแม้จะสุกยังไงก็ยังมีรสฝาดอยู่ ถ้าเรากินสดๆอาจจะไม่รับรู้ถึงรสฝาดนั้น แต่หากเรานำมาต้มหรือทอด รสชาติฝาดนั้นออกมาแน่นอนค่ะ และสำหรับคนขายถ้าไม่อยากได้กล้วยที่ฝาดๆแล้วก็ต้องเลือกกล้วยที่แก่จัด การเลือกกล้วยที่แก่จัดเรามีเทคนิคให้สังเกตง่ายๆ ได้แก่
- ตรงปลายกล้วยจะหลุดออกไป
- กล้วยจะดูอ้วนกลม และเต่งตึง
- ไม่มีส่วนของเอ็นกล้วยให้เห็น
ปกติดิฉันจะสั่งกล้วยดิบที่แก่แล้วมาเก็บไว้รอให้สุกเองตามธรรมชาติ จะได้กล้วยรสหวานและสามารถกะปริมาณของแป้งที่เราใช้ได้ด้วยค่ะ
เคล็ดลับการเลือกใช้มันเทศให้ทอดออกมาอร่อย
จะขายกล้วยทอด ปกติแล้วมักจะขายคู่กันกับมันทอดเสมอ การเลือกมันก็จะช่วยให้ลูกค้าได้รับความอร่อยที่แตกต่างกันไปค่ะ ปกติ มันเทศที่ขายตามตลาดแถวบ้านเราจะมีมันเทศอยู่ 3 สี นั่นก็คือ มันม่วง มันไข และมันแครอท ซึ่งมันทั้ง 3 ชนิดนี้ ดิฉันเคยลองขายมาหมดทุกตัวแล้ว ตามประสบการณ์ขอรีวิลมันทั้ง 3 ตัวดังนี้
- .มันม่วง เป็นมันที่เนื้อแน่น รสชาติหวานกว่ามันตัวอื่นๆ แต่ทอดมาแล้วจะแห้งๆและออกจะแข็งๆหน่อยสีไม่ค่อยสวยและมีราคาแพงกว่ามันอีก 2 ชนิด
- มันไข่ มันตัวนี้จะเป็นที่นิยมของคนขายกล้วยทอดส่วนใหญ่ ราคาพอๆกับมันแครอท รสชาติไม่หวานเท่ามันม่วง แต่ทอดออกมาแล้วไม่กระด้าง ไม่แข็ง
- มันแครอท มันสีส้มตัวนี้ราคาพอๆกับมันไข่ ทอดออกมาแล้วสีสวย แต่ไม่ค่อยมีรสชาติ ไม่ค่อยหวานแต่นุ่มกว่ามันชนิดอื่นๆ
คลิบวิดีโอสอนการทำสูตรกล้วยทอดทั้งหมด Step By Step
ส่วนใครที่อยากได้อาชีพทำเงินแบบอื่นๆ ไม่ควรพลาดคลิกเลย
สรุป:อาชีพขายกล้วยทอดยังทำเงินได้เสมอ ตราบใดที่คนเรายังต้องกินอาหาร
ถึงแม้ว่าเทรดปัจจุบันคือการดูแลสุขภาพ แต่ก็ใช่ว่าคนเราจะไม่กินกล้วยทอด ดังนั้นอาชีพขายกล้วยทอดจึงเป้นทางเลือกในการประกอบอาชีพที่ดี มีเงินลงทุนไม่เยอะก็ทำได้ แรกๆอาจจะเหนื่อยเพราะเรายังไม่มีลูกค้าประจำ แต่ถ้าฮิตติดลมบนแล้ว จะทอดขายไม่ทันเลยนะขอบอก