ขายสมุดโน้ตใน Amazon kindle ไม่มี look inside ทำยังไงดี ให้ลูกค้าเห็นเนื้อหาของเรา

หลังจากที่ amazon มีการอัพเดตใหม่ก่อนหน้านี้ จริงๆก็อัพเดตมานานระยะหนึ่งแล้วค่ะ แต่ว่าเรายังไม่มีโอกาสได้มาทำคลิปให้เพื่อนๆดู สิ่งที่เขาอัพเดตคือ

low content book หรือสมุดที่มีลักษณะของเนื้อหาต่ำหรือซ้ำไปมา ทั้งเล่ม เช่น planners, journals, notebooks, และ logbooks โดยสมุดที่มีเนื้อหาเหล่านี้สิ่งที่จะหายไปก็คือ

1. expanded distribution หรือการกระจายการขายสมุดโน้ตของเรา เช่น เมื่อก่อนตอนยังไม่อัพเดตจะมีให้เราเลือกติ๊กถูกด้วยว่าสมุดโน้ตที่เราลงไปนั้นนอกจากจะวางขายใน amazon แล้ว จะอนุญาตให้วางขายในร้านหนังสือ, ร้านหนังสือออนไลน์,ห้องสมุด หรือสถาบันการศึกษาอื่นๆด้วยไหม ซึ่งก่อนหน้านี้หากเราติ๊กถูกอนุญาติให้วางขาย เราก็จะได้ค่าคอมจากสมุดเล่มนั้นที่ 40% โดยปกติแล้ว ถ้าเราขายในamazon เราจะได้ค่าคอมจากสมุดโน้ตของเราที่ 60 % กันใช่ไหมคะ ถ้าเราขายไปที่อื่นด้วย เราก็จะได้ค่าคอมที่ 40% ซึ่งก็ถือว่าดีนะคะเพราะสามารถเพิ่มช่องทางหรือเพิ่มโอกาสในการขายได้ แต่ปัจจุบัน ตรงนี้ไม่มีแล้ว
2. look inside เวลาที่เราอัพโหลดสมุดไป เราและลูกค้าจะสามารถกดเข้าดูเนื้อในคร่าวๆของสมุดเล่มนั้นได้ เพื่อช่วยในการตัดสินใจ
3. isbn ฟรี (เลขประจำหนังสือ) ก่อนหน้านี้สมุดโน้ตทุกเล่มที่เราวางขาย เขาจะมีให้กดขอหมายเลข ISBN ฟรี แต่ปัจจุบันนี้สำหรับสมุดโน้ตพวก low-content ก็จะไม่มีแล้วเช่นกันค่ะ

แต่สำหรับสมุดโน๊ตประเภท activity book เช่น puzzle, coloring ต่างๆ ที่เนื้อหาไม่ซ้ำไปมาก็จะมี look inside  และมี ISBN ฟรีเหมือนเดิมค่ะ

ซึ่งหลายๆอย่างที่หายไปนี้ที่กระทบกับคนทำสมุดโน้ตมากที่สุด คงหนีไม่พ้น       look inside  เพราะลูกค้าไม่สามารถดูเนื้อในคร่าวๆของเราได้ทำให้หลายๆคนพยายามใส่เนื้อในบนปกหลังเพื่อให้ลูกค้าเห็น แต่เดี๋ยวนี้ ปกหลังก็ไม่ขึ้นอีก เมื่อลูกค้าคลิกเข้ามาดู ก็จะเห็นแค่ปกหน้า กับรายละเอียดพวก ไตเติล ซับไตเติล และดิสคริปชั่นที่เราใส่ไว้แค่นั้น แต่ไม่สามารถดูเนื้อในของสมุดได้ ซึ่งผลที่ตามมาก็คือ ลูกค้าตัดสินใจซื้อน้อยลงนั่นเองค่ะ

และเราจะมีวิธีแก้ยังไง เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายๆเหมือนเดิม คือเราก็ต้องเพิ่ม A+ content ค่ะ

และก่อนที่เราจะเริ่มทำ A+ content เรามาดูข้อดีของการทำ A+ content และข้อมูลสำคัญคร่าวๆที่จำเป็นกันก่อนดีกว่าค่ะ

ข้อดีของการทำ A+ content

1. ช่วยให้ลูกค้าเห็นตัวอย่างหรือรายละเอียดด้านในของสินค้า ทำให้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายยิ่งขึ้น
2. ลูกค้าAmazon ที่ใช้มือถือก็จะสามารถรู้ถึงรายละเอียดที่เราจะเพิ่มเข้าไปได้ เพราะปกติแล้ว ลูกค้าAmazonที่ใช้มือถือจะไม่สามารถดู look inside ได้ และลูกค้าจำนวนมากประมาณ 60-70 % ก็ใช้มือถือในการซื้อสินค้าใน Amazon เป็นหลักด้วย
3. สมุดโน้ตที่มี look inside อยู่แล้วก็สามารถ เพิ่ม A+ content เข้าไปได้ เพื่อช่วยเพิ่มยอดขาย และเพื่อให้ลูกค้าที่ใช้มือถือในการสั่งซื้อสามารถดูหรือเห็นด้านในของสินค้าได้

ข้อควรรู้และควรระวังเกี่ยวกับ A+ content

ไม่แน่ใจว่าหากเราทำผิดกฎจะเป็นยังไง อาจจะเสี่ยงโดนแบนไหม อันนี้ไม่รู้ค่ะ แต่ทางที่ดีเราควรศึกษากฎและรายละเอียดให้ถี่ถ้วนก่อน และทำตามกฎเขาจะดีและปลอดภัยต่อแอคเคาท์ของเราที่สุด ซึ่งข้อที่ควรระวังได้แก่

1. เราไม่สามารถเพิ่ม A+ content ก่อนที่หนังสือจะ Live ได้
2. ห้ามใส่ราคา โปรโมชั่น ส่วนลดคำเชื้อเชิญในการซื้อต่างๆ อาทิเช่น ราคาไม่แพง โบนัส ฟรี ซื้อเลย ใส่ตะกร้า ช้อปเดี๋ยวนี้ ซื้อกับเรา หรือคำไดก็ตามที่เชิญชวนให้ซื้อ รวมไปถึงรีวิวของลูกค้าหรือของใครก็ตามลงใน A+ content
3. อย่าใส่ข้อมูลเร่งเร้าในการซื้อ หรือกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อ อาทิเช่น ใหม่ล่าสุด ดีที่สุด หรือคำอื่นๆที่ละเอียดอ่อนทางด้านเวลา
4. เมื่อส่ง A+ content ให้amazon ตรวจสอบ จะใช้เวลาในการตรวจสอบนานถึง 7 วัน และเมื่อได้รับการอนุมัติ อาจต้องใช้เวลาราวๆ 24 ชั่วโมงหรือมากกว่า A+ content ของเราจึงจะปรากฏให้ลูกค้าเห็น แต่หากเนื้อหา A+ content ที่เราทำไม่ผ่านการอนุมัติ เขาก็จะแจ้งเรามาผ่านทางอีเมล ค่ะ

กฎและข้อห้ามของ A+ content ยังมีอีกมาก เพื่อนๆสามารถตามเข้าไปอ่านได้ตรงลิ้ง แนะนำอ่านให้เข้าใจและทำตามจะได้ปลอดภัยต่อบัญชีของเพื่อนๆเองนะคะ

ขั้นตอนการทำ A+ content แบบละเอียด ทำตามได้เลย